ช่วยกันประเมินด้วยนะครับ

วันพุธที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2560

    Jack The Ripper ปริศนาฆาตกรโหด

                               บ้าเลือด


   ถ้าพูดถึงjack the rippers หลายคนคงจะรู้จักเพราะว่าเป้นฆาตกรที่ดังที่สุดในประวัติศาสตร์ถ้ายังไม่รู้จักเราก็จะรุ้จักไปพร้อมกันเรื่องมีอยู่ว่า
เรื่องราวของ แจ็กเดอะริปเปอร์ (Jack the Ripper) ชายผู้ที่อยู่ติดชาร์จในหน้าประวัติศาสตร์อังกฤษและทั่วโลกที่รู้จักกันดีคนนี้ ขาเป็นฆาตกรต่อเนื่อง ฆ่าหญิงโสเภณีในย่านสลัม ไวต์ชาเปล ของลอนดอนช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน ปี 1888 ฟังดูเหมือนว่า “เขาก็แค่ฆาตกรคนหนึ่งเท่านั้นเอง” ทำไมถึงได้ดัง ทั้งที่ฆาตกรโหด ที่โดดเด่นและฆ่าเหยื่อมากกว่าเขาก็มีมาก
แจ็กเดอะริปเปอร์ Jack the Ripper) เป็นสมญาของฆาตกรต่อเนื่องที่ฆ่าคนในย่าน “ไวต์ชาเปล” ถิ่นยากจนใกล้นครลอนดอน ในช่วงครึ่งปีหลังของ ค.ศ. 1888  โดยฉายานี้ได้มาจากข่าวที่ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ที่ลงข่าวจดหมายลึกลับที่เขียนถึงสำนักข่าวกลางโดยผู้เขียนที่อ้างตนว่าเป็นฆาตกร ถึงแม้จะมีการสืบสวนและมีทฤษฎีที่น่าเชื่อถือมากมาย แต่ก็ไม่สามารถบ่งบอกโฉมหน้าที่แท้จริงของฆาตกรได้เลย
  ตำนานเล่าขาน ฆาตกรแจ็กเดอะริปเปอร์ นี้ทำให้เกิดการค้นคว้าวิจัยอย่างจริงจังทางประวัติศาสตร์ ทฤษฎีสมรู้ร่วมคิดและนิทานพื้นบ้าน การขาดหลักฐานยืนยันที่แน่ชัดทำให้เกิดคำว่า “นักริปเปอร์วิทยา” มาใช้เรียกนักประวัติศาสตร์และนักสืบสมัครเล่นที่ศึกษาคดีอันโด่งดังนี้เพื่อกล่าวหาหรือพาดพิงถึงบุคคลต่าง ๆ ว่าคือตัวริปเปอร์

 เหยื่อเกือบทั้งหมดเป็นโสเภณี ฆาตกรรมส่วนใหญ่เกิดในที่สาธารณะหรือกึ่งสาธารณะ เหยื่อทุกรายถูกเชือดคอ หลังจากนั้นซากศพจะถูกหั่นตรงช่วงท้องและบางครั้งที่อวัยวะเพศ คาดกันว่าเหยื่อจะถูกรัดคอให้เงียบเสียงก่อนลงมือฆ่า มีหลายกรณีที่มีการตัดอวัยวะภายในออก จึงมีผู้อนุมานว่าฆาตกรอาจเป็นศัลยแพทย์หรือไม่ก็คนขายเนื้อ ซึ่งยังหาข้อสรุปไม่ได้
เหยื่อรายแรก แมรี่ แอนน์ นิโคลส์

เหตุการณ์ฆาตกรรมโหด โดย แจ็กเดอะริปเปอร์ ( Jack the Ripper
–  31 สิงหาคม ค.ศ. 1888 ฆาตกรรมเหยื่อรายแรก แมรี่ แอนน์ นิโคลส์ (เวลา 03:45 น.  Whitechapel , London)
ย่านสลัมที่แออัดเขต Whitechapel ของลอนดอน ศพของแมรี่ แอนน์ นิโคลส์ ถูกปาดคอเข้ามาที่ทั้งสองด้านจนศรีษระเกือบจะหลุด และที่ส่วนท้องก็ถูกชำแหละด้วยมีดยาวอย่างโหดเหี้ยม ตรอกตรงที่เกิดเหตุทั้งเปลี่ยวและมืด และไม่มีใครสัญจรไปมาในช่วงเช้าตรู่ มันเหมาะอย่างยิ่งสำหรับพวกโจรหรือฆาตกร มีหญิงโสเภณีมากมายที่มาหาลูกค้าอยู่ และทุกคนก็รู้ว่ามีจุดที่เงียบสงบตรงไหนบ้างที่จะทำธุระส่วนตัว ฆาตกรน่าจะเป็นคนที่รู้จักพื้นที่นี้ดี ฆาตกรผู้นี้มุ่งเป้าหมายไปยังพวกผู้หญิงหากิน และรู้ว่าเหยื่อของเขาน่าจะพาไปยังที่ๆ เหมาะที่สุด หรือจุดที่แทบไม่มีใครสังเกตเห็น รูปแบบและพฤติกรรมของฆาตกรค่อยๆ ปรากฏขึ้น ดูเหมือนเขาจะโกรธและเกลียดพวกผู้หญิงนี้อย่างมาก
–  8 กันยายน ค.ศ. 1888 ฆาตกรรมเหยื่อรายที่สอง แอนนี่ แชปแมน 

เธอถูกหั่นเป็นชิ้นๆ ส่วนคอก็มีบาดแผลลึกมากไปถึงกระดูกด้านหลัง ส่วนท้องทั้งหมดก็ถูกคว้านออกมา สิ่งที่หายไปก็คือมดลูก มันไม่ใช่แค่การคว้านไส้และนำอวัยวะออกมาเท่านั้น จุดเด่นก็คือมันเป็นความพยายามกระทำกับสิ่งที่บ่งบอกเพศของเหยื่อ มันเป็นความพยายามและต้องใช้เวลาอย่างมาก มีการระบุว่าพบมีดที่อาจเป็นของฆาตกร มันมีความคมและถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ และมีความคล้ายคลึงกับมีดผ่าตัดของแพทย์ ซึ่งเป็นสิ่งบ่งบอกลักษณะของฆาตกรรายนี้ได้ รายละเอียดของการฆาตกรรมระบุว่าฆาตกรต้องมีความรู้ด้านการแพทย์ กายวิภาค สรีระร่างกาย
–  25 กันยายน ค.ศ. 1888 จดหมายส่งถึงสำนักงานเซ็นทรัล ลงนาม “แจ๊ก เดอะ ริปเปอร์”
–  30 กันยายน ค.ศ. 1888 ฆาตกรรมเหยื่อรายที่สาม Elizabeth Stride กับสี่  Catherine Eddowes  ในเวลาไล่เลี่ยกัน
บนถนน Birners ศพของเธอถูกปาดคอ และมีรอยฟกช้ำที่หัวไหล่ ดูเหมือนว่าอาจมีใครสักคนมาขัดจังหวะฆาตกร ศพของเธอจึงไม่ถูกชำแหละเหมือนรายอื่น ไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังจากนั้นเมื่อเวลา 01:45 น. ก็มีคนพบศพ Catherine Eddowes เหยื่อรายที่ 4 ศพของเธอถูกหั่นไม่มีชิ้นดี โดนควักลูกตา เฉือนจมูก ลำคอถูกเชือด ช่องท้องถูกกรีดเป็นบาดแผลเหวอะ ไม่มีไต ไตข้างซ้ายของเธอและมดลูกถูกตัดออก โดยมีข้อความเขียนไว้บนกำแพงในละแวกที่พบศพว่า “The Juwes are the men that Will not be Blamed for nothing.” แปลความได้ว่า “ชาวยิวเป็นกลุ่มคนที่จะไม่ถูกกล่าวโทษ ไม่ว่าเรื่องใดๆ ก็ตาม”
–  1 ตุลาคม ค.ศ. 1888 ไปรษณีย์บัตร์ “แจ๊คจอมซ่าส์”ถึงสำนักข่าวเดิม
–  16 ตุลาคม ค.ศ. 1888 พัสดุลงชื่อ “จากนรก” ส่งไตครึ่งซีก ไปให้จอร์ชประธานคระกรรมการป้องกันภัยไวต์แซพเพล





–  9 พฤศจิกายน ค.ศ. 1888 เหยื่อรายที่ห้าคาดว่าเป็นรายสุดท้าย แมรี่ เจน เคลลี่
เกิดการฆาตกรรมเหยื่อรายสุดท้าย ที่เชื่อกันว่าเป็นฝีมือ แจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ คราวนี้เหยื่อเป็นโสเภณีที่อายุอานามครบวัยเบญจเพศพอดี แมรี่ เจน เคลลี่ นอนตายเป็นศพอยู่ ในห้องพักของตนเอง สภาพศพของเธอเละจนไม่มีชิ้นดี อยู่ในสภาพนอนกางขาบนเตียงนอน ผิวหนังโดนถลก มีมดลูกกองอยู่ปลายเท้า มือข้างหนึ่งถูกจับล้วงเข้าไปในท้องที่โดนควักตับไตไส้พุงออก หัวใจถูกปลิดออกจากขั้วหายไป เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วห้อง ทั้งนี้เป็นที่รับรู้กันว่าตอนนั้นเคลลีกำลังตั้งครรภ์ บนผนังห้องของเธอปรากฏข้อความ “the juwes are the men that will not be blamed for nothing.” เช่นเดียวกับข้อความที่พบบริเวณของเหยื่อรายที่สี่
–  31 ธันวาคม ค.ศ. 1888 พบศพมองตากู จอห์น ดรูอิทท์ หนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าเป็นแจ๊คจมน้ำตาย สันนิษฐานว่าเป็นการฆ่าตัวตาย
–  ค.ศ. 1890 อารอน โคสมินสกี้ ผู้ส่งเข้าโรงพยาบาลโรคจิตและเสียชีวิตในปี ค.ศ. 1919
–  ค.ศ. 1892 ปิดคดีแจ๊ค เดอะ ริปเปอร์ โดยหาผู้กระทำความผิดไม่เจอ
ใครกันคือ แจ็กเดอะริปเปอร์? ( Jack the Ripper) ผู้ต้องสงสัยคดีฆาตกรรม
ข้อมูลที่ผ่านๆ มามีการรายงานเกี่ยวกับการสืบหาฆาตกรในเรื่องนี้ ซึ่งก็มีหลายคนที่ตกเป็นผู้ต้องสงสัย แต่มีอยู่ 2 รายที่ดูท่าทีว่าอาจจะเป็น ฆาตกร แจ็กเดอะริปเปอร์ ( Jack the Ripper) ตัวจริง! คนหนึ่งเป็นคนที่อ้างว่าเป็นแพทย์ชาวอเมริกัน ส่วนอีกคนเป็นผู้หญิงที่ฆ่าภรรยาและลูกของชายชู้ของเธอ

1. ผู้ต้องสงสัยแพทย์ชาวอเมริกัน ฟรานซีส ทัมเบิลตี้
ก็เป็นคนที่มีความรู้เหล่านี้ หมอทัมเบิลตี้ไม่เคยเป็นที่รู้ของประชาชนทั่วไปว่าตกเป็นผู้ต้องสงสัยจนกระทั่งมีการพบจดหมายฉบับหนึ่งที่มาจากหน่วยงานของสก็อตแลนด์ยาร์ดที่บอกว่าพวกเขากำลังสงสัยชายคนนี้ รายงานนี้ถูกเขียนขึ้นเมื่อปี 1913 หน่วยพิเศษของสก็อตแลนด์ยาร์ดหรือหน่วยข่าวกรองลับ มีข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับฟรานซีส ทัมเบิลตี้ว่าเขามักจะแต่งตัวเป็นทหารและอ้างว่าทำงานให้กับกองทัพ จากรูปถ่ายของเขาเครื่องแบบที่เขาใส่ผิดปกติมากและมันน่าจะเป็นชุดทหารปลอม
ฟรานซีส ทัมเบิลตี้ดูเหมือนศิลปินที่มีเล่ห์เหลี่ยมมาตั้งแต่วัยรุ่น เขาเติบโตขึ้นมาในโรเชสเตอร์ นิวยอร์ค และพอผ่านช่วงวัยรุ่น เขาก็กลายเป็นแพทย์คนหนึ่ง เขาสร้างเรื่องอื้อฉาวด้วยการขายสมุนไพรและยาปลอมไปทั่วอเมริกา และเมื่อปัญหาเริ่มปรากฏ เขาก็รีบย้ายออกจากอเมริกาทันที หลักฐานระบุว่าเขาเดินทางมาอังกฤษเมื่อเดือนมิถุนายนปี 1888 และช่วงเวลาที่เกิดคดีแจ๊คเดอะริปเปอร์ เขาก็อยู่ในลอนดอนด้วย หลักฐานระบุว่าเขาอาศัยอยู่ในย่านถนน Batty Street ซึ่งอยู่ติดกับถนน Birners เป็นที่เกิดเหตุที่เหยื่อรายที่สามและสี่ถูกฆาตกรรมในครั้งเดียวกันที่ถูกเรียกว่าการลงมือฆ่าซ้อน เจ้าของอพาร์ตเม้นท์แจ้งว่าชายอเมริกันที่มาเช่าพักหายตัวไปในคืนวันนั้น

2.แมรี่ เพียร์ซี่
ได้เสียชีวิตไปในปี 1890 หลังจากฆ่าภรรยาและลูกของชายชู้ของเธอ การฆ่าของผู้หญิงคนนี้เต็มไปด้วยความโหดเหี้ยม เธอปาดคอเหยื่อฆาตกรรมของเธอคนนั้นลึกมากจนมันแทบจะหลุดออกมาเลยทีเดียว ก่อนถูกตัดสิน เพียร์ซี่ได้เขียนจดหมายถึงครอบครัวของเธอ ทำให้ได้เห็นถึงจิตใจของเธอ 
มีข่าวลือว่าจริงๆ แล้วแจ๊คเดอะริปเปอร์อาจจะเป็นผู้หญิงที่จงเกลียดจงชังผู้หญิงหากิน แต่ตำรวจในตอนนั้นไม่คิดว่าผู้ต้องสงสัยจะเป็นผู้หญิง แต่จากการทดสอบในปัจจุบันที่พบว่า DNA ที่อยู่ในน้ำลายที่ปิดผนึกจดหมายที่น่าจะเป็นของฆาตกรนั้นเป็น DNA ของผู้หญิง ทางทีมงานจึงได้ทดสอบว่าเป็นไปได้มั้ยที่ผู้หญิงจะมีแรงพอที่จะฆาตกรรมคนได้อย่างโหดเหี้ยมและรุนแรง ทีมงานได้ทดสอบด้วยการใช้เครื่องวัดแรงกดที่กระทำต่อเหยื่อโดยให้ผู้หญิงที่มีรูปร่างพอๆ กับ  แมรี่ เพียร์ซี่ ผู้ต้องสงสัย ออกแรงบีบคอและกดเหยื่อหุ่นจำลองซึ่งมีเครื่องวัดแรงกดนั้นอยู่ด้านล่าง หลังการทดสอบพบว่าเป็นไปได้ที่ผู้หญิงจะสามารถออกแรงกดและบีบคอเหยื่อให้หมดสติภายในเวลาสั้นๆ เหมือนอย่างที่แจ๊คเดอะริปเปอร์ทำกับเหยื่อ

การฆาตกรรมโหดสองแม่ลูกของแมรี่ เพียร์ซี่ ก็คล้ายกันมากกับคดีของแจ๊คเดอะริปเปอร์ แมรี่มีความสัมพันธ์กับชายที่แต่งงานแล้ว ด้วยความอิจฉาริษยา เธอฆ่าภรรยาและลูกของเขา เธอหลอกล่อเหยื่อมาที่บ้านของเธอและสังหารเหยื่อด้วยที่เขี่ยไฟในเตาผิง เธอนำทารกใส่เข้าไปในเตา หลังจากนั้นก็นำศพของทั้งสองใส่ลงในรถเข็นเด็กเพื่อนำออกไปทิ้งให้ไกลจากบ้านของเธอ ศพของผู้หญิงคนนั้นถูกพบโดยที่ลำคอมีบาดแผลที่ลึกมากซึ่งเป็นสัญลักษณ์ในการฆ่าของแจ๊คเดอะริปเปอร์ และในคำให้การของแมรี่ เพียร์ซี่ที่เธออ้างว่าเธอไม่มีทางเลือก เธอต้องนำศพของผู้หญิงคนนั้นใส่ลงในรถเข็นเด็ก เพื่อที่จะนำศพยัดลงไปในรถเข็นเด็ก เธอจึงต้องตัดส่วนคอลงไปลึกมากเพื่อให้ศพสามารถยัดลงไปได้

นี่เเค่เป็นผู้สงสัยเท่านั้นบุคคลเหล่านี้อาจจะไม่ได้เป็น jack the ripperก็เป็นได้

Leave a Reply

Subscribe to Posts | Subscribe to Comments

- Copyright © Kaosab ฉลาดรู้ - Hatsune Miku - Powered by Blogger - Designed by Johanes Djogan -